คุณผู้ชม

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เที่ยวบ้านสุขาวดี พัทยา

?เป็นคฤหาสน์ริมทะเลพัทยาของ ด.ร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของสหฟาร์ม ตกแต่งภายในบ้านและสวนภายนอกสวยงาม? ทุกสิ่งทุกอย่างในสถานที่แห่งนี้ถูกกำหนดขึ้นอย่างมีดีไซน์ ประกอบด้วยศาสตร์ และศิลป์อย่างลงตัว ?สมดุล และมีเหตุมีผล ด้วยบรรยากาศเงียบสงบ แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้ และภูมิทัศน์ที่งดงาม และยังมีอาคารโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม? ด้วยอำนาจของความรัก ความเมตตา ของผู้สร้างซึ่งไม่เคยยอมแพ้และไม่ยอมให้ความจนเป็นข้อจำกัดในชีวิต ขอให้สิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจ หรือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแง่คิดที่จะนำพาท่านไปสู่จุดหมาย?
บ้านสุขาวดี จึงได้เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 2543 บนเนื้อที่ 12 ไร่? ติดถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 129 ห่างจากที่ว่าการอำเภอบางละมุง ประมาณ 1 กิโลเมตร ?มีชายหาดยาว 400 เมตร ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 80 ไร่??สุขาวดีเกิดมาจากสติปัญญาและการทำงานเป็นทีม ของผู้คนบนพื้นฐานของความรัก ความสามัคคี จึงทำให้งานที่ออกมามีคุณค่า สง่างามและมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ประกอบด้วยอาคารหลัก ๆ ดังนี้
อาคารพระแม่กวนอิม
อาคารพระแม่กวนอิม
1. อาคารพระแม่กวนอิม (Main building & Goddess of Mercy) ก่อสร้างขึ้นในปี2543 เป็นอาคารที่พักอาศัยของครอบครัว โชติเทวัญ ที่ได้ถูกจัดสรรอย่างสมบูรณ์แบบประกอบไปด้วย
??????????????????- ชั้นที่หนึ่ง เป็นห้องรับรอง ที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ด้วยศิลปะอันทรงคุณค่า
???????????????? – ชั้นที่สอง ประดิษฐานพระบรมสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ ๕? ที่งดงาม ประดับด้วยหินรัตนชาติล้ำค่า รวมทั้งเป็นห้องจัดเลี้ยงรับรอง
?????????????????? และสันทนาการ
?????????????????- ชั้นที่สี่และชั้นที่ห้าเป็นบริเวณที่พักอาศัยของครอบครัวโชติเทวัญ
?????????????????- ชั้นที่หก เป็นห้องอเนกประสงค์ และรองรับการประชุมขนาด 500 คน
??????????????????- ชั้นดาดฟ้า ประดิษฐานองค์พระแม่กวนอิมปางประทานพร ประทับมังกรซึ่งประดับด้วยอัญมณีล้ำค่าที่ประเมินค่ามิได้?
????????????????????ดร.ปัญญา?โชติเทวัญ และครอบครัวเคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ สักการะด้วยดอกบัวทองคำประดับรัตนชาติ
?
อาคารโดมพระ
อาคารโดมพระ
2.อาคารโดมพระ (Buddha tower) เป็นสถานที่รวบรวมพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือของ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ? นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธเจ้าปางประสูติพระหัตถ์ขวาชี้ฟ้า พระหัตถ์ซ้ายชี้ดิน สูง ๙.๒๘ เมตรที่แฝงไปด้วยปริศนาธรรมและให้สัจธรรมมากมาย เพื่อเปิดประเด็นไปสู่ความคิดในทางโลกได้ นอกจากนี้ยังมี คัมภีร์ทองคำจากประเทศจีนอีกด้วย
?

ศาลหลักเมือง
ศาลหลักเมือง
3.ศาลหลักเมือง (Sukhawadee?s? Pillar Shrine) เป็นสถานที่สำคัญในการแสดงความเคารพและกตัญญูต่อผืนแผ่นดินที่เราได้ถือครอง หรือได้ใช้ประโยชน์อยู่อาศัย และทำมาหากินเลี้ยงชีพตน ฉะนั้นเพื่อความเป็นสิริมงคลจึงต้องกราบไหว้ สักการะบูชาขอพรแก่ฟ้า ดิน หรือเทพารักษ์ เพื่อให้คุ้มครองให้รอดพ้นจากภยันตรายและ ปกปักรักษาแผ่นดินของตนไว้ ตลอดจนให้ลูกหลานตระหนักถึงคุณค่าและสามารถรักษาผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษ สืบไป
?
?
?
ความลับสวรรค์
ความลับสวรรค์
4.ความลับสวรรค (Yin ? Yang Zone) ยิน-หยาง ซึ่งมีพลังสองพลังที่เท่ากัน แต่มีอิทธิพลตรงข้ามกัน เปรียบดั่งดวงตาสวรรค์ สิ่งที่มนุษย์กระทำ ฟ้า ดิน ย่อมรู้ และเป็นพยาน เป็นที่แห่งความยุติธรรม ใครก็ตามเมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ แน่นอนจะได้รับความยุติธรรมที่สุด สวรรค์เมตตา ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้คน ว่าจะทำประโยชน์แก่ตนองอย่างไรในอนาคต
????????? ศาสตร์ในการดำเนินชีวิต ถ่ายทอดด้วยปีนักษัตร คนเราเกิดมา มี 12 ปีด้วยกัน ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา? คนที่เกิดปีใดก็ตาม ก็ยอมจะต้องเข้าไปสู่ประตูนั้น และประตูที่จะออกมี 2 ประตู ที่น่าสนใจยิ่งคือประตูที่ถือว่าเป็นมิตรกัน และก็ประตูที่เป็นศัตรูกัน
อาคารพุทธบารมี
อาคารพุทธบารมี
?
5.อาคารพุทธบารมี (Buddhabaramee/Convention Hall) เริ่มก่อสร้างในปี 2546โดยโครงสร้างของอาคารหอประชุมใช้เวลาสร้าง 1 ปี ส่วนการตกแต่งภายในทั้งอาคาร ใช้เวลาเพียง 30 วัน โดย เฉพาะภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อาจารย์กรมศิลปากร แจ้งว่าต้องใช้เวลา 3 ปีถึงจะแล้วเสร็จ แต่ด้วยแนวคิดของขบวนการจิกซอทั้งอาคาร ทั้งฝ้า ระบบปรับอากาศทำความเย็น แม้กระทั่งพรม ที่ถือว่าเป็นพรมชิ้นเดียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิค ก็ใช้เวลาทอ 30 วัน? นี่คือขบวนการของทีมเวิร์ค ที่ ดร.ปัญญา? โชติเทวัญ ใช้หลักการ ?ทำได้? เป็นสำคัญ อาคารนี้จึงแล้วเสร็จบนพื้นฐานของความรัก และความสามัคคีของคน 2,700 ชีวิต? อาคารนี้ประกอบด้วย ห้องโถงขนาดใหญ่พื้นที่ 4,800 ตารางเมตร 1 ห้องและห้องประชุมสัมมนาจำนวนมากสำหรับจัดกิจกรรมของบริษัท สหฟาร์มและในเครือ อีกทั้งยังได้รับเกียรติเป็นสถานที่ต้อนรับบุคคลสำคัญและจัดงานระดับประเทศหลายครั้ง อาทิเช่น นิทรรศการ ?ครัวของโลก? , งานประชุมรัฐสภาเอเชีย เพื่อสันติภาพ (AAPP, November 2005) และงานพุทธบารมี 2 แผ่นดินระหว่าง 15 พ.ย.2550 ? 15ม.ค. 2551 เป็นต้น
โดมละหมาด
โดมละหมาด
6.โดมละหมาด (Salah Dome ) เป็นสถานที่ละหมาดของชาวมุสลิมมาจากการตอบแทนพระคุณ ของผู้เป็นเจ้าของ สหฟาร์ม และบ้านสุขาวดี ด้วยเหตุผลว่า เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ เมื่อได้มาประกอบอาชีพการเลี้ยงไก่ แต่ความอยู่รอดของธุรกิจจำเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องการพึ่งตนเองเป็นสำคัญ เมื่อเป็นผู้ผลิตก็ย่อมเป็นผู้จำหน่ายด้วย แต่ขั้นตอนสุดท้าย ต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไก่ที่ตนเองได้เลี้ยงไว้ เพื่อนำไปเป็นอาหารแก่ผู้บริโภค ปรากฏว่าทางศาสนาพุทธถือเป็นบาป จึงมิกล้าลงมือ สุดท้ายผู้ที่นับถืออิสลามได้เข้ามาช่วยทำให้สามารถทำงานได้สำเร็จ ตั้งแต่วันนั้นมาจึงได้สร้างที่ละหมาดไว้ทุกแห่งในสถานที่ประกอบกิจการรวมทั้งบ้านสุขาวดีด้วย และที่น่าสนใจก็คือเวลา 17.00น.จะมีภาพเงาสะท้อนของโดมที่กระจกของอาคารสโมสรที่สื่อให้เห็นว่า ?ศักยภาพของคนไม่ใช่อยู่ที่รูปลักษณ์ของตัวตนแต่ศักยภาพของคนอยู่ที่ใจของตน?
สหฟาร์มสเตชั่น
สหฟาร์มสเตชั่น
?
7.สหฟาร์มสเตชั่น (Saha Farm Station) อาคารสำนักงานและแสดงสินค้าบริษัทสหฟาร์ม เป็นอาคารแรกที่ท่านจะได้พบหลังจากเข้าสู่บ้านสุขาวดี อาคารสำนักงานและแสดงสินค้าบริษัทสหฟาร์มมีสองชั้น ตั้งอยู่ทางซ้ายมือหลังจากเข้าประตูมาแล้ว ชั้นล่างเป็นร้านอาหารและจุดแสดงสินค้าของบริษัท สหฟาร์ม ทั้งไก่สด ,ไก่แปรรูป? ลูกชิ้น ไส้กรอก ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากเนื้อไก่คุณภาพดี ท่านสามารถพักผ่อนได้ตามอริยาบถเมื่อมาถึง และซื้อไก่คุณภาพในราคาโปรโมชั่นเป็นของฝากเมื่อเวลาที่ท่านเดินทางกลับ
?
?
8.จุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม ( Saha Farm Kitchen & Restaurant) ครัวสุขาวดี เป็นศูนย์อาหารและเครื่องดื่ม ที่สะอาด ปลอดภัย ถูกหลักโภชนาการ นอกจากนี้มีร้านอาหาร FAST FOOD สไตล์ยุโรป ที่ผู้บริโภคสามารถลิ้มรส ไก่ทอดสูตรส่งออกจากสหฟาร์ม ในราคาประหยัด บรรยากาศเย็นสบาย ล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงาม สามารถมองเห็นชายทะเล? บริการจัดเลี้ยงอาหาร บุฟเฟ่ห์สำหรับหมู่คณะ
อาคารสโมสร
อาคารสโมสร
?
9.อาคารสโมสร ( Club House )สถานที่ต้อนรับ รับรองบุคคลสำคัญตามวาระต่าง ๆ และเป็นที่สันทนาการของครอบครัว
?
อาคารสัจธรรม
อาคารสัจธรรม
?
10.อาคารสัจธรรม (Hall of Truth) อาคารแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ซึ่งท่าน ดร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของบ้าน ใช้เป็นสถานที่ในการสนทนาธรรมและความรู้กับผู้มาเยือน เป็นแหล่งรวมรูปปั้นและหินแกะสลักจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ถือว่ามีคุณค่าและได้ศึกษาหาความหมายด้วยตัวเอง และนำมาถ่ายทอดในเชิงปรัชญา เพราะเชื่อว่าผู้คนทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มีปัญญาด้วยกันทุกคน เพื่อเป็นการเปิดประเด็นไปสู่แนวคิด แฝงไปด้วยสัจธรรมเพื่อเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็น หินแกะสลักรูปม้า ๑๘ ตัว ,ไก่ พระสังกัจจายน์ และหญิงงานที่ล้วนเปี่ยมด้วยความหมาย
?
เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท???
การเดินทาง? บ้านสุขาวดีจะอยู่ติดถนนสุขุมวิท ด้านฝั่งชายทะเล ใกล้กับโรงแรมชลจันทร์ และอยู่ไม่ห่างจากที่ว่าการอำเภอบางละมุง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 3822 3454 ,0 3822 3235
?
?
?
?
ข้อมูลจาก sukhawadee.net
จุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม
จุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม
?

เดินชิลล์ ชิม ช็อป ที่ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม

ถ้าเอ่ยถึงตลาดน้ำในประเทศไทย มีตลาดน้ำมากมายให้ท่องเที่ยว เดินเล่น ชิมอาหารและช็อปปิ้งของเก๋ ๆ สไตล์ไทย ๆ แต่ทริปนี้หมูหินดอทคอมขอเสนอตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในไทยและในเอเชีย “ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของ อ.หัวหิน จ.เพชรบุรี ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่แพ้ตลาดน้ำหัวหินและเพลินวานเลยทีเดียวค่ะ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี้ ส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่า ตลาดน้ำหัวหินสามพันนามกับตลาดน้ำหัวหินจะเป็นที่เดียว แต่ที่จริงแล้วคนล่ะที่น่ะค่ะ
ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านทับใต้ ต.ทับใต้ อ.หัวหินเพิ่งเปิดตัวให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ไปเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2554 สำหรับตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม จะเป็นทีมงาน เดียวกับตลาดน้ำอโยธยา ดังนั้น “ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม” จะมีรูปแบบคล้าย ๆ กับ “ตลาดน้ำอโยธยา” แต่รูปแบบของสถาปัตยกรรมของที่หัวหินนั้น จะเป็นแบบ “วิคตอเรีย” ในรูปแบบของสมัยรัชกาลที่ 6 ทั้งรูปร่าง ตัวอาคาร บ้านเรือและอื่นๆ เหตุผลเนื่องจากต้องการรักษารูปแบบ ท้องถิ่นของเมืองหัวหินเอาไว้โชว์ ให้บรรดานักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสบรรยากาศภายในตลาดน้ำได้เห็นความเก่าแก่และเอกลักษณ์ของหัวหินในอดีต พร้อมกับจะมีการจัดแสดงต่างๆ ที่คงความเป็น ไทยเอาไว้เสมอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือน ได้สัมผัสถึงกลิ่นไอของความเป็นไทยอย่างแท้จริง ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม เน้นความเป็นธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมภายในล้วนคงเอกลักษณ์เดิม ๆ ของไทยในสมัยก่อน มีกลุ่มเรือพายมีสินค้า มีกระทั้งของกินทุกชนิดประเภทใส่เรือพาย เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดไท กาแฟโบราณ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่พายขายอยู่ในสระขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสหาซื้อสิ่งของได้กินเล่นกัน เปรียบเสมือนว่าได้เข้ามาจุดนี้แล้วได้ย้อนอดีตของวิถีชีวิตของคนไทยในสมัยก่อนได้ไปดูบ้านเรือน ที่อยู่ ห้วย หนอง คลอดง บึง แบบโบราณเก่าแก่ของประเทศไทย ภายในตลาดน้ำหัวหินสามพันนามมีพื้นที่กว้างขวางใหญ่ มีร้านค้ามากมายกว่า 250 ร้าน โดยแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ทั้ง โซนของกิน ของที่ระลึก โดยการตกแต่งร้านค้า ก็ตกแต่งแบบเก๋ไก๋ มีมุม ถ่ายภาพ สวย ๆ หลายมุมที่ทางตลาดน้ำ จัดไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพไปเป็นที่ระลึก มีหลากหลายมุมที่น่าสนใจ ถูกใจคนชอบถ่ายภาพและคนที่ชอบเป็นนางแบบนายแบบแน่นอน มีสินค้าให้เราได้เลือกซื้อเลือกชมมากมาย มีร้านอาหารไทย ขายอาหารพื้นบ้านของไทย หรือแม้กระทั้งขนมไทยดั่งเดิมที่หาทานยาก ก็มีที่ตลาดน้ำแห่งนี้ มีที่นั่งรับประทานเป็นสัดส่วน มีของที่ระลึกมากมาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นของแฮนเมคที่ชาวบ้านใช้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ทำขึ้นมา และของที่ระลึกเหล่านั้นก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเช่นกันที่จะต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกและฝากเพื่อน ๆ เพราะสินค้าบางอย่างหาซื้อที่อื่นไม่ได้ค่ะ นอกจากที่ตลาดน้ำสามพันนามแห่งนี้เท่านั้น และไฮไลน์ของที่ตลาดน้ำสามพันนามนี้เลยก็คือ การแสดง โชว์แสง สีเสียง เกี่ยวกับวัฒนธรรมความเป็นไทย ซึ่งมีแสดงโชว์ทุกวัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยตรง อีกด้วย ตลาดน้ำหัวหินสามพันนามเปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 23 .00 น. น่ะค่ะ

ท่องราตรีเมืองน่าน

เมืองน่าน เมืองหนึ่งในประเทศไทยที่ขึ้นชื่อในความเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน หย่อนใจของบรรดานักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบ กับบรรยากาศที่เย็นสบาย ไร้ความวุ่นวาย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีอีกจังหวัดหนึ่งที่เหมาะแก่การมาพักผ่อน ยิ่งในช่วงฤดูหนาวในช่วงเดือนธันวคมของทุกปีนักท่องเที่ยวยิ่งเยอะเลยครับ วันนี้หมูพีมาเที่ยวเมืองน่านและได้มีโอกาสพักในตัวเมืองน่าน จึงไม่พลาดที่คืนนี้หมูหินดอทคอมจะออกท่องราตรีเมืองน่านกัน มาดูว่าราตรีที่เมืองน่านจะเงียบสงบและมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ตอนนี้เวลาประมาณ 19.30.น. ถ้าเป็นตามเมืองใหญ่ ๆ อย่างกรุงเทพ ฯ หรือพัทยาผู้คนอาจจะพึงเริ่มออกจากบ้านหรือแสงไฟอาจพึงจะสว่างจ้า แต่ที่เมืองน่านแห่งนี้ ยิ่งดึกเท่าไหร่ แสงของไฟในเมืองน่านยิ่งค่อย ๆ ริบหรี่ลง ผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของกันที่ตลาดยามเย็นก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงไป ถนนโล่งจนคิดว่าเป็นเมืองล้างเลยครับ ผมเลยเช่ามอเตอร์ไซค์ไว้คันหนึ่งก่ะว่าจะเป็นเด็กแว๊นตะลุยราตรีเมืองน่านสักวัน โดยเริ่มต้นจากหน้าโรงแรมเทวราชที่พักของเราในค่ำคืนนี้ ไปยังบริเวณโบราณสถานยามค่ำคืน ไปดูกันว่าในยามค่ำคืนโบราณสถานสำคัญ ๆ ของเมืองน่านจะสวยงามแค่ไหน เริ่มต้นผ่านไปยัง “วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” เค้าเปิดไฟไว้ตามโบราณสถานเพื่อให้เห็นพระธาตุช้างค้ำในยามค่ำคืน ซึ่งเป็นจุดเด่นสะดุดตาแก่นักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายภาพยามค่ำคืนต้องมาเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย และต่อกันด้วยวัดภูมินทร์ วัดชื่อดังระดับโลก โดยยามค่ำคืน เจ้าหน้าที่ได้เปิดไฟไว้โดยรอบตัวพระวิหาร จะเห็นได้ว่า ที่ จ.น่านแห่งนี้เค้าให้ความสำคัญกับโบราณสถานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก หลังจากแวะเยี่ยมชมเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนตามโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว จุดหมายต่อไปคือบรรยากาศในตัวเมืองน่านว่าจะครึกครืนมากน้อยเพียงใด โดยเป้าหมายอยู่ที่ตลาดโต้รุ้ง บรรยากาศของตลาดโต้รุ้งของที่ จ.น่าน ก็ไม่แตกต่างจากที่อื่นเท่าไหร่นัก ก็มีจำพวกอาหารการกินพื้นบ้าน และของที่ระลึก ๆ ต่าง ๆ ที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่อยากมาเดินท่องราตรีจับจ่ายซื้อของกันเพลิน ๆ แต่ถ้าให้พูดถึงแห่งสถานบันเทิง ร้านนักดื่มของชาวน่านนั้น ขอบอกว่าน้อยมาก แต่ก็มีอยู่ย่านหนึ่ง คนน่านเค้าเรียกกันว่า “กาดน่าน” เป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นทั้งกลางวันและกลางคืนเลยทีเดียว มีร้านนั่งดื่มชิลล์ ๆ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนชอบแนว ๆ ขี่มอเตอร์ไซค์รับลมชมวิวยามค่ำคืนเพลิน ๆ ก็ต้องขี่ไปบริเวณรอบ ๆ เมืองเลยครับ เงียบสงบดี สงบจนวังเวงเลยก็ว่าได้ จากการท่องราตรีเมืองน่านในค่ำคืนนี้ผมว่าถึงมันจะดูเงียบเหงาไปบ้าง แต่สำหรับบางคนที่ต้องการมาพักผ่อนหาความสงบในชีวิตผมแนะนำเลยว่าเมืองน่านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะแก่การพักกายพักใจไม่แพ้ที่อื่นแน่นอนครับ หากเพื่อน ๆ ชาวหมูหินดอทคอมมีโอกาสมาเที่ยวที่ จ.น่าน แห่งนี้ก็ลองออกหาเดินเล่นหาอะไรทำในยามราตรีดูบ้างครับ อาจจะได้ความรู้สึกใหม่ ๆ ไปอีกแบบ อย่าลืมน่ะครับว่า ถ้าคิดจะเที่ยวหมูหินดอทคอมเว็บเดียวพอจ้า

ไหว้สาแอ่วบุญเมืองลำพูน

ไหว้สาแอ่วบุญเมืองลำพูน
ทริปนี้เราเริ่ม พระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร พุทธสถานคู่เมืองหละปูน อันเป็นพระธาตุของคนเกิดปีระกา มาในจังหวะเวลาเดียวกับงานประเพณีสลากภัต สลากย้อม ภายในวัดจึงเนืองแน่นด้วยพุทธศาสนิกชนและต้นสลากย้อมอันสูงตระหง่านยิ่งใหญ่ตระการตาวัดมหาวันและวัดพระคงฤาษี ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับพระรอด-พระคง พระเครื่องเมืองลำพูนซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่นักสะสม โดยเฉพาะพระรอดลำพูน ถูกจัดเป็นหนึ่งพุทธศิลป์เบญจภาคีของเมืองไทย อันมีที่มานับแต่ก่อร่างสร้างนครเพื่อเป็นพุทธบูชาและรักษาบ้านเมือง จึงมีการสร้างพระพิมพ์ขึ้น 2 แบบ แบบหนึ่งเรียกว่า "พระคง" เพื่อความมั่นคงของนครหริภุญไชย บรรจุไว้ที่วัดพระคงฤาษี อีกแบบเรียกว่า "พระรอด" เพื่อความอยู่รอดจากภัยอันตราย บรรจุไว้ที่วัดมหาวัน ไหว้พระขอพร ส่องพระเครื่องกันพองาม เราเดินทางต่อไปวัดจามเทวี อันมีพระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ ซึ่งตามตำนานเล่าว่าพระราชโอรสทั้งสอง สร้างเพื่อบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญไชยนคร ในเวลาต่อมาส่วนยอดของพระเจดีย์หายไป ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า "กู่กุด" สุดท้ายเราไปจบเส้นทางไหว้สาแอ่วบุญที่วัดพระยืน เพื่อขอพรให้อายุและความรักยั่งยืน หน้าที่การงานมั่งคง เป็นโชคดีมีโอกาสพบท่านเจ้าอาวาส ซึ่งจบถึงด็อกเตอร์ เลยได้พบธรรมะประสมวิชาการ อิ่มบุญเบิกบานกันถ้วนหน้า
สัมผัสประเพณีและวิถีคนยอง

เกินครึ่งของคนลำพูนเป็นชาวยอง ที่อพยพถิ่นฐานมาจากแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งยังคงรักษาขนบประเพณีวิถีชีวิตไว้ให้เห็นถึงปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่จะพบเห็นชุมชนชาวยองกระจายอยู่ทั่วทุกอำเภอ เราตั้งต้นที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชาวยอง วัดต้นแก้ว ตามเส้นทางถนนสายวัฒนธรรมบ้านเวียงยอง จัดแสดงเสื้อผ้าของแต่งกายไว้อย่างสวยงาม ใต้ถุนเป็นกลุ่มทอผ้าผู้สูงอายุ อันมีฝีมือในการทอผ้ายกเชิง ผ้าไหมแกมฝ้ายลายดอกพิกุล ลายผ้าเก่าแก่ของเมืองลำพูนได้อย่างงดงาม
ชาวยองมีประเพณีสลากย้อม ซึ่งแต่โบราณให้ผู้หญิงอายุ 20 ปีและยังไม่แต่งงาน เหมือนลูกชายครบปีให้บวช ลูกหญิงต้องแต่งทานสลากย้อมไปถวายวัด แต่ปัจจุบันได้ปรับไปตามกาลเวลา กลายเป็นการร่วมกันของชุมชนและวัด จัดทำต้นสลากย้อมแทนวิถีเดิม วัดประตูป่า เป็นวัดซึ่งได้รวบรวมข้อมูล ข้าวของเครื่องใช้ในประเพณีสลากย้อม ซึ่งเราสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้ ชมความงดงามของอุโบสถ วิหาร และหอพระธรรมไม้สักปิดทองอายุกว่า 200 ปี
ชุมชนเก่าและบ้านโบราณที่ป่าซาง
เราออกนอกเมืองไปวัดหนองเงือก ในเขต อ.ป่าซาง เพราะเป็นวัดพระจึงได้เห็นพ่ออุ้ยแม่อุ้ย มาถือศีลกินเพลฟังเทศน์สนทนาธรรมกันในพระอุโบสถ แรกเกรงว่าไม่ได้ห่มนุ่งสีขาวจะเข้าไปอย่างไร แต่คุณยายคุณตาเรียกหา ให้เข้าไปกราบพระขอพรเสียก่อนที่จะไปดูจิตรกรรมฝาผนังเก่า พวกเราจึงไม่รู้สึกเก้อเขินเป็นส่วนเกิน บอกเสียหน่อยว่าวัดนี้ เขาให้ถอดรองเท้าตั้งแต่ก่อนเข้าประตูวัด ไม่ได้ถอดหน้าโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญเช่นวัดอื่น
เข้าวัดมาเยอะแล้ว พวกเราขอเข้าบ้านบ้าง เป็นบ้านยองโบราณ ที่บ้านมะกอก ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2480 แต่ยังคงรักษาดูแลไว้เป็นอย่างดี โดยคุณยายบัวลา ใจจิตร หญิงวัย 78 ปี ที่ใจดีเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานกว่าที่ไหน ได้ฟังเรื่องราวหลายอย่าง ทั้งเรื่องบ้านและความงาม อดีตวัยละอ่อนคุณยายเคยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางงามมาก่อน พวกเรานั่งฟังอย่างตั้งใจ เฉพาะเรื่องการดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนวัยเช่นเดียวกับคุณยาย ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนวัยเจ็ดสิบแปด
ถ้าอยากรู้ ต้องไปถามเอาเองที่เมืองหละปูนเน้อเจ้า
Fast Facts
ตัวเมืองลำพูนไม่กว้างใหญ่นัก สามารถเดินทอดน่อง-ปั่นรถถีบเที่ยวได้สบายๆ หรือจะใช้บริการรถรางนำเที่ยวที่จอดหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย ฯ ซึ่งให้บริการวันละ 2 รอบ 09.00-12.00 น. และ 13.30-16.30 น.
ไปลำพูนแบบได้ความรู้นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ลองโทรไปสอบถาม นเรนทร์ ปัญญาภู นักจดหมายเหตุลำพูน โทร. 08-4611-2260
ถนนสายวัฒนธรรมบ้านเวียงยอง เข้าไปดูรายละเอียดได้ใน www.wiangyong.org
สอบถามเส้นทางท่องเที่ยวได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 053-248-604, 053-248-607 หรือ www.tourismthailand.org
ขอขอบคุณ งานสื่อมวลชนสัมพันธ์ภายในประเทศ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เปิดประตูสู่โลกใต้ทะเล สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจังหวัดระยอง

ช่วงอากาศร้อนๆ อย่างนี้ หากคุณมีแพลนเดินทางท่องเที่ยวไปแถวๆ ทะเลทางภาคตะวันออกแล้วหล่ะก็ ถ้าขับผ่านมาทางบ้านเพจังหวัดระยองก็อย่าลืมแวะเข้าไปชม สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง ซึ่งจะเป็นสถานที่ที่เด็กๆ และคุณๆ จะได้เรียนรู้เปิดประตูสู่โลกใต้ทะเลในอีกรูปแบบหนึ่ง สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง ตั้งอยู่บ้านเพ จ.ระยอง เป็นหน่วยงานภายใต้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมเกี่ยวกับสัตว์ทะเลตามชนิดและสายพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการทำประมงอีกด้วย
การจัดแสดงได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนแรกแสดงพันธุ์สัตว์น้ำมีชีวิต ได้แก่ สัตว์น้ำในแนวปะการัง มีปลาการ์ตูน ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง ปลาไหลมอร์เรย์ ปลาโนรี ม้าน้ำและกุ้งมังกร, ต่อด้วย สัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ปลากะรังเหลืองจุดฟ้า ปลากะรังหน้างอน ปลากะพงทอง หอยหวาน กั้งกระดาน กุ้งทะเล ปูม้าและปูทะเล, สัตว์ทะเลที่เป็นอันตราย ปลาสิงโต ปลากะรังหัวโขนซึ่งมีลักษณะคล้ายปะการังมาก ปลาอุบ ปลาปักเป้า ปลากระเบนจุดฟ้า เม่นทะเลและแมงดาทะเลที่มีการว่ายน้ำและท่านอนที่แปลกคือนอนหงายดูเผินๆ เหมือนว่ามันตายแล้ว, บ่อ Touch Pool ระบบนิเวศวิทยาชายฝั่งและปะการังน้ำตื้น ส่วนนี้จะถูกจัดแสดงไว้ด้านนอกก่อนทางเข้าผ่านประตู มีปลาดาวทะเล ดาวหมอนปักเข็ม ปลิงดำ ปลิงส้มและปลิงหนาม ถูกจัดแสดงไว้ รวมทั้งยังมีบ่อแสดงพันธุ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ บ่อทรงกระบอก บ่อเต่า บ่ออุโมงค์ และบ่อปลากลางแจ้งที่ถูกจัดแสดงไว้อย่างสวยงามในส่วนที่ 2 ได้จัดให้เป็นการแสดงนิทรรศการโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลตามพระราช

เสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส มีการบอกเล่าเรื่องราวรวมทั้งยังนำเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำประมงมาจัดแสดงไว้อีกด้วยในส่วนสุดท้ายเป็นส่วนพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย มีตัวอย่างเปลือกหอยที่เก็บรวบรวมจากน่านน้ำไทยกว่า 140 ชนิด ซึ่งได้จำแนกและบอกรายละเอียดไว้อย่างครบครัน เรียกได้ว่าเป็นการดำน้ำดูใต้ท้องทะเลแบบที่ไม่ต้องเปียกน้ำกันเลย โดยระหว่างทางเดินจะมีการจัดแสดงตู้ปลานานาชนิดไว้ พร้อมป้ายข้อมูลบอกรายละเอียดอย่างชัดเจน เมื่อเดินชมไปเรื่อยๆ ทางจะค่อยๆ ลาดลงไปสู่อุโมงค์ที่เป็นตู้ปลาขนาดใหญ่และจะพบเห็นหมู่ปลามากมายว่ายอยู่เต็มไปหมด รวมทั้งปลาฉลามหูดำดาวเด่นของที่นี่ก็ว่ายรวมอยู่ด้วย เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวใต้ท้องทะเล พร้อมความสนุกสนานน่าตื่นตาตื่นใจเรียกได้ว่าเป็นความสนุกแบบมีสาระกันเลยทีเดียว
การเที่ยวชมในสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้ถ้าเดินเพลินๆ อ่านข้อมูลไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเหมือนกัน เดินนานๆ อาจรู้สึกหิวขึ้นมาก็อย่าลืมพก มาม่าคัพ ติดตัวไว้ด้วยแก้หิว เพียงเปิดฝาถ้วยเติมน้ำร้อนลงไปแล้วปิดฝาทิ้งไว้เพียง 3 นาที ก็อิ่มอร่อยแบบมีประโยชน์พร้อมออกเดินทางกันต่อได้เลย
Tips
• ข้อห้ามสำคัญคือ ห้ามเปิดแฟลซในขณะถ่ายรูปปลา
• บัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท เด็กส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าชมฟรี!
• เปิดให้เข้าชม วันพุธ-ศุกร์ เวลา 10.00-16.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-17.00 น. ปิดวันจันทร์-วันอังคาร
• สอบถามโทร. 0-3865-1764, 0-3865-3741 www.fisheries.go.th/mf-emdec

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พาเที่ยวตลาดน้ำอโยธยา

ตลาดน้ำอโยธยา เป็นจุดศูนย์รวมนัก ท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ และทัศนียภาพอันงดงามแบบไทยๆด้วยการเดินชมตลาดเพื่อชิมอาหารรสชาดอร่อยๆ เรียบคลองยาว หรือจะซื้อหาของกินของฝากบนร้านค้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ในเรือนไทยอันงดงาม รอบตลาดน้ำอโยธยาของเรา ก็เพลิดเพลินไม่แพ้กัน พร้อมกันนี้ก็ยังมีเรือบริการรับส่งไปยังท่าเรือภายในตลาดอีกด้วยเพื่อ สะท้อนถึงวิถีการ เดินทางในสมัยก่อน
ตลาดน้ำอโยธยา
จุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งที่ตลาดน้ำอโยธยาได้นำมารวบรวมไว้ที่นี่ คือการนำชื่ออำเภอทั้งหมดของ จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยาทั้งหมด มาตั้งเป็นชื่ออาคาร สถานที่ เพื่อให้ผู้ที่มาเยือนได้รู้จักสินค้าของแต่ละอำเภอ และสามารถจดจำชื่ออำเภอต่างๆของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี
ตลาดน้ำอโยธยา
ปณิธาน ความตั้งใจเพื่อให้ตลาดน้ำอโยธยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้ผู้ที่มาเยือนได้ศึกษาเรียน รู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทย เห็นคุณค่าของศิลปะและ วัฒนธรรมของไทยแผ่นดินอันอบอุ่นของไทย ที่บรรพชนรุ่นก่อนได้ต่อสู้เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้มีที่อยู่ที่อาศัยและ ควรรักษาๆไว้ให้ดีอีกนาน
?ตลาดน้ำอโยธยา
ตลาดน้ำอโยธยา
วิถีไทยในอยุธยา
????????? ในพระนครศรีอยุธยาเต็มไปด้วยวัดวาอาราม เพราะประชาการในกรุงศรีอยุธยาไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือชนชั้นต่ำ ล้วนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถวาท ความมั่งคั่งที่ได้จากการค้าขายของกรุงศรีอยุธยามักหมดไปเพื่อสร้างวัด อันเป็นแหล่งรวมของศิลปะสถาปัตยกรรมฝีมือช่างหลวงและช่างชาวบ้าน
ตลาดน้ำอโยธยา
ตลาดน้ำอโยธยา
วิถีชีวิตของชาวบ้านส่วนมากอยู่เรือนไม้ไผ่ริมน้ำ ทำนาปลูกข้าวที่ต้องพึงพาธรรมชาติ จึงมีประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวกับการเกษตรกรรมหลายอย่าง เช่น ขอฝน ทำขวัญข้าว แข่งเรือ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีอาชีพทำงานหัตถกรรม เช่น ปั้นหม้อ ทอผ้า ทำเครื่องจักสาน แกะไม้ ถลุงเหล็กฯลฯประเพณีเหล่านี้ยังสืบเนื่องมาจนถึงสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันยังคงมีอยู่
?
ข้อมูลจาก? ayothayafloatingmarket
ภาพจาก? folktravel

ปลายฝนนี้..ชวนเที่ยว เข้าค้อ เต็มอิ่มกับทะเลหมอกงาม

เริ่มต้นการเดินทางมุ่งสู่ “เขาค้อ” ในช่วงปลายฝนแบบนี้ เป็นช่วงที่พักราคาถูก และลมไม่มากทำให้เราเห็นหมอกได้หนาแน่นมากกว่าช่วงฤดูหนาวอีกด้วย ก่อนจะถึงที่พักเขาค้อทะเลหมอกเราก็แวะไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลกันก่อน
พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก - เขาค้อ
หลังจากมุ่งหน้าเดินทางสู่ที่พัก “เขาค้อทะเลหมอก” ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เรียกว่า สวยที่สุดที่นึงเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับสวนสน มีพื้นที่ให้เดินเล่นชมบรรยากาศสบายๆ ชมวิวทิวเขา และถ่ายรูป ที่นี่จะจัดพื้นที่สำหรับพักชมหมอก ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะมีให้นอนกางเต็นท์ด้วย
เขาค้อ
เขาค้อ
เขาค้อ
เขาค้อ
พระอาทิตย์แรกของวัน..ที่เขาค้อ

เขาค้อ
เขาค้อ

?พระอาทิตย์สุดท้ายของวัน..ที่เขาค้อ
การเดินทาง : ทางรถยนต์
เส้นทางที่ 1 
จากกรุงเทพฯ ( ห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ) ใช้ถนนพหลโยธิน ( ทางหลวงหมายเลข 1 ) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ประมาณ 75 กิโลเมตร จะถึงตัวเมืองสระบุรี จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดลพบุรี ประมาณ 16 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ( ทางหลวงหมายเลข 21 ) เมื่อเลี้ยวขวาแล้วขับตรงไปมุ่งหน้าอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ 236 กิโลเมตร ( หลักกิโลเมตรที่ 236 ) จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2258 ขับตรงไปประมาณ 17.5 กิโลเมตร จะถึง เนินมหัศจรรย์
จากนั้นขับตรงไปประมาณ 6.5 กิโลเมตร จะพบ 3 แยก
( แยกขวาไปหอสมุดนานาชาติเขาค้อ ไปอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ )
( ถ้าตรงไป จะไปพระตำหนักเขาค้อ ไปสวนสัตว์เปิดเขาค้อ ไปน้ำตกศรีดิษฐ์ )
เส้นทางที่ 2
จากตัวเมืองพิษณุโลก ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ( พิษณุโลก – หล่มสัก ) ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ( หลักกิโลเมตรที่ 100 – 101 ) จากนั้น เลี้ยวขวา สู่อำเภอเขาค้อ ( ทางหลวงหมายเลข 2196 ) จากนั้นขับตรงไปประมาณ 17 กิโลเมตร จะพบ 3 แยก
( ถ้าเลี้ยวขวาจะไปไร่บีเอ็น ไปน้ำตกศรีดิษฐ์ )
( ถ้าตรงไปจะไปอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ไปหอสมุดนานาชาติเขาค้อ พระตำหนักเขาค้อ )
แผนที่การเดินทาง เขาค้อ
ขอบคุณภาพจาก MThai.com